วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

อ่านก่อนจะสาย!! 10 วิธีใช้หนี้พ่อแม่ ทำแล้วชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองแถมยิ่งให้ยิ่งรวยแบบนี้ !?


"พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก" คำนี้เป็นคำที่เราทุกคนคงเคยได้ยินมาจนคุ้นเคย แต่คนเราก็ต่างแสวงหาผลบุญให้ตนเองด้วยการสร้างกุศล ทำบุญทำทานสารพัดวิธี แต่กลับมองข้ามไปเลยว่า คนที่เราควรจะทำดีและจะได้บุญมากที่สุดนั่นคือการทำดีกับพ่อแม่ ผู้เป็นพระในบ้านของเรานั่นเอง คนเราเกิดมาด้วยหนี้พระคุณของพ่อแม่ทั้งสิ้น วันนี้ไข่เจียวจึงได้หยิบเอา 10 วิธีใช้หนี้พ่อแม่ ฉบับ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม มาฝากลูกๆทุกคนกันค่ะ
1) จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และนี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก

2) ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้ว ก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ

3) ผู้ใดก็ตาม ที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอ
ขมาลาโทษ

4) ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลาน อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อนคือ ถอนคำพูด ไปขอขมาลาโทษเสีย แล้วมา
เจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่

5) บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังดำน้ำไม่โผล่

6) คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้..คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆ น้องๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า
7) ลูกหลานโปรดจำไว้ เมื่อแยกครอบครัวไปมีสามีภรรยาแล้ว อย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่ ถึงวันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ล

8) ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลนาม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะชื่อเป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเรา อย่างหลวงพ่อชื่อจรัญ ปู่ตั้งให้ หมอดูบอกเป็นกาลกิณี แต่ทำไมเจริญรุ่งเรือง ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าทำดีได้ดี

9) ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย ของพ่อแม่อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของพ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา..พ่อแม่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วยพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดีอย่าเอาไปทิ้งขว้าง

10) ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล ตัวอย่างเรียนจบครู สวดมนตร์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้ว หนี้สินก้อนแรกของชีวิต ที่ทดแทนอย่างไรก็ไม่หมด แต่หากเราใส่ใจที่จะทำดีกับพระในบ้าน พ่อแม่ผู้มีบุญคุณแก่เรา แค่นี้ชีวิตก็เจริญรุ่งเรืองแล้ว เพราะความกตัญญูคือรากฐานของความดีทั้งปวง


ที่มา http://www.khaodungs.com/2016/11/10.html

ต้องอ่าน!! สูบบุหรี่ไม่อยากตายเร็ว แค่กินอาหาร 4 อย่างนี้ จะช่วยล้างนิโคตินที่สะสมในปอดได้อย่างดีเยี่ยม


พวกคุณทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าการสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบอาหารหลายประเภทที่สามารถล้างปอดจากสารอันตรายอย่างยาสูบได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาหารทั้งสี่อย่างนี้ล้วนมีความสามารถในการทำความสะอาดปอดทั้งสิ้น

กระเทียม
กระเทียมคืออาหารที่สำคัญและมีคุณค่าทางโภชนาการต่อสุขภาพของปอด มันมีผลในการกรองและสามารถทำความสะอาดปอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ปอดสดชื่นได้อย่างแท้จริง!

ขิง
ขิงช่วยเกี่ยวกับหลอดลม และกำจัดสารที่สะสมออกไป อีกทั้งขิงยังมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค และต่อต้านแบคทีเรีย
ซีลีเนียม
ซีลีเนียมคือแร่ธาตุชนิดหนึ่งซึ่งสามารถพบได้ในอาหาร คุณยังสามารถพบมันได้ในอาหารเสริมที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เอนไซม์ที่ถูกผลิตโดยวิตามินอีจะไปกระตุ้นและทำให้เนื้อเยื่อบางๆของปอดแข็งแรงขึ้น

เกรปฟรุต
เกรปฟรุตประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย และเป็นที่รู้กันดีว่ามันคือผู้เล่นที่ต่อสู้มะเร็งได้อย่างยอดเยี่ยม

แบ่งปันเคล็ดลับเหล่านี้ให้เพื่อนนักสูบของคุณทราบ เพราะคุณอาจช่วยพวกเขาได้อย่างมาก! แต่จำไว้ว่า สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำให้นั่นคือการเลิกสูบบุหรี่

ที่มา. news.thaiza.com

โปรดแชร์ต่อ มันดีจริงๆ แค่กินสมุนไพรนี้ 2 ช้อนโต๊ะ จะช่วยให้หลอดเลือดแดงสะอาด ไร้คอเลสเตอรอล LDL


มันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมากอีกทั้งยังช่วยทำความสะอาดหลอดเลือดแดงของคุณจากคอเลสเตอรอล LDL หลายคนทั่วโลกต้องทนทุกข์ทรมานจากปัญหาต่างๆ ที่เป็นผลมาจากคอเลสเตอรอล ซึ่งมันสามารถก่อให้เกิดโรคหัวใจและคนส่วนใหญ่จัดการกับปัญหาเหล่านี้ด้วยการรักษาด้วยยา แต่เรามีวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยธรรมชาติและยังให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมมาก!

โหระพา เป็นสมุนไพรที่ยอดเยี่ยมและมันเป็นยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติที่มีศักยภาพมากมันมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง จึงได้รับสมญานามว่าเป็นราชาแห่งสมุนไพร

สรรพคุณทางยาที่ได้จากโหระพาให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างน่าอัศจรรย์ มันอัดแน่นไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์ (phytonutrient )

สมุนไพรชนิดนี้เติบโตตามภูมิอากาศเขตร้อน ผู้เชี่ยวชาญอ้างว่าใบโหระพามีมากกว่า 60 สายพันธุ์และแบ่งแยกออกเป็นสามรูปแบบ : ไม้พุ่ม สีม่วง และมีกลิ่นหอม โหระพาสามารถปลูกได้ทั้งด้านในและนอกบ้าน เพียงคุณตัดเล็มกิ่งเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของมัน

คุณควรใช้ในขณะที่ใบของมันยังสดใหม่จะดีที่สุด เพราะมันจะมีกลิ่นหอมและมีวิตามินเคสูงซึ่งสามารถนำไปใช้ควบคุมคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีและป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด

นอกจากนี้มันยังมีวิตามินเอ วิตามินซี ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพและมีเบต้าแคโรทีนซึ่งช่วยป้องกันหลอดเลือดเสียหายจากอนุมูลอิสระ และสมุนไพรที่น่าอัศจรรย์นี้ยังป้องกันภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดตีบได้อีกเช่นกัน
ใบโหระพา อุดมไปด้วยแร่ธาตุทั้งแคลเซียม แมงกานีส เหล็ก โพแทสเซียม และฟลาโวนอยด์

คุณควรบริโภคใบโหระพาอย่างน้อย 2 ช้อนโต๊ะเป็นประจำทุกวันเพราะมันมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย:

-เป็นยาปฏิชีวนะธรรมชาติ
มันมีคุณสมบัติเป็นยาต้านจุลชีพที่มีประสิทธิภาพ ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือการนำใบโหระพาไปผสมกับกระเทียมและกินเพื่อต่อสู้กับโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่

-ช่วยทำความสะอาดหลอดเลือด
สมุนไพรชนิดนี้มีประสิทธิภาพอย่างมากในการทำความสะอาดหลอดเลือดแดงจากคอเลสเตอรอล

-มีสารต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง
ใบโหระพามีสารต้านอนุมูลอิสระสูงซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพมากมายและช่วยปกป้องจากความเสียหายจากสารก่อมะเร็ง รวมทั้งยังช่วยแก้ปัญหาต่างๆ เช่น โรคท้องร่วง หูด ไต ท้องผูก ปวดหัว ไอ พยาธิ และอื่นๆ อีกมากมาย

อ้างอิง : healthyfoodhouse.com
แปลข้อมูลโดย : http://www.rak-sukapap.com/

ที่มา http://www.khaodungs.com/2016/11/2-ldl.html

แชร์ว่อน!! อะไร??..ซ่อนอยู่ในธนบัตรมูลค่า 1,000 บาท เป็นเรื่องที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน


เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องที่เรา หรือใครหลายคนมองข้ามไป เกี่ยวกับธนบัตรที่เราใช้ซื้อหาสิ่งดำรงชีวิต ความสะดวกสบายต่างๆนานา แล้วเรียกมันว่าความสุข.. แต่จะมีกี่คนที่รู้คุณค่าที่แท้จริง ของธนบัตรว่าได้แฝงแง่คิดอะไรดีๆซ่อนอยู่อีกมากมาย อย่าง"พระราชดำหริของในหลวง"

 จากกระทู้หนึ่งในเว็บไซต์พันทิปได้มีการแชร์เรื่องราวที่น่าสนใจ เกี่ยวกับธนบัตรมูลค่า 1,000 บาท โดยสมาชิกท่านหนึ่งใช้ชื่อว่าSsK-G-ปรเชษฐ์พัลโหม ได้นำเสนอเรื่องที่เจ้าตัวก็เพิ่งทราบมาจากอาจารย์ ถึงคุณค่า และความหมายที่แท้จริงของธนบัตรมูลค่า 1,000 บาท  ข้อความระบุว่า

"วันนี้ผมได้ไปเรียนตามปกติ แล้วสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น
อาจารย์ได้ถามถึงแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องนี้ผมทราบดีอยู่แล้วครับ ว่า 3 ห่วง 2 เงื่อนไข
ตอบไปก็ถูกครับ จากนั้นคำถามก็เป็นคำถามต่อที่ว่า ในชีวิตประจำวันเราได้สัมผัสกับเศรษฐกิจพอเพียงอย่างไรบ้าง ??งงล่ะสิครับ อาจด้วยผมยังไม่เข้าถึงแก่นแท้ของแนวคิดนี้ อีกอย่าง เน้นว่า ที่เราสามารถปฎิบัติจริงๆ ในชีวิตประจำวัน

จริงๆคำถามไม่ยากครับ ก็แค่บอกว่า ประหยัด อดออม มัธยัสถ์ แต่ติดตรงที่ว่า ในสถานการณ์ชีวิตจริง บางครั้งเราก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติได้ ทุกคนในห้องเงียบ.........อาจารย์ใบ้มาอีกว่า เราทุกคนเคยสัมผัส และแนวคิดนี้อยู่ใกล้กับตัวเรามาก ...........ทุกคนในห้องยังเงียบ
รู้มั๊ยครับว่า เศรษฐกิจพอเพียงอยู่ใกล้ชิดกับเราอย่างไร ผมขอเฉลยเลยครับว่า มันอยู่ใน ธนบัตร 1,000 บาทที่เราใช้กันทุกวันนี้แหละแต่ความหมายที่อาจารย์อธิบาย มันทำให้ผมอึ้ง!!ยิ่งกว่านั้นครับ ......อึ้งจนทำให้ผมเวลาที่จะใช้จ่ายเงินต้องคิดตลอดเวลา อาจารย์อธิบายว่า..

ในธนบัตร 1000 บาท มีพระราชดำหริของในหลวงอยู่ พระองค์ทรงสอนเราทุกคนเสมอ แต่เราทุกคนยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง

ในธนบัตร จะมีทั้งพระราชดำรัส และภาพที่แสดงถึงเศรษฐกิจพอเพียงที่พระองค์ทรงอยากให้พวกเราปฏิบัติเช่นนั้น เพื่อความสงบสุขของประชาชน นอกจากนี้ในภาพพระองค์ฉลองพระองค์เป็นภาพทรงงาน มีแผนที่ กล้องถ่ายภาพ หากใครจำได้ ภาพนี้คือภาพที่พระองค์ทรงงานในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎร ที่ทุรกันดารเพียงใด ท่านไม่เคยย่อท้อ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ นั่นก็คือ น้ำให้ชีวิต นอกจากนี้อาจารย์ยังบอกว่า ทำไมต้องเอามาอยู่ในแบงค์ 1000 ทำไมไม่เอาไปใส่ไว้ในแบงค์อื่น ก็เพราะแบงค์พันเป็นหน่วยธนบัตรที่ใหญ่ที่สุด การจะใช้จ่ายเงินทองออกไปสมควรที่จะคิดให้ดีๆก่อนที่จะใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย นอกเหนือเกินความจำเป็น

และประโยคเด็ดที่ทำให้ผมรู้สึกว่าต้องประหยัดให้มากกว่านี้ ก็คือ "คนส่วนมากรู้แค่มูลค่าของมัน แต่จะมีสักกี่คน ที่รู้ คุณค่า ของ ธนบัตรนี้"
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ..

ที่มา http://amazing-share11.blogspot.com/2016/10/1000-1000.html

ดีใจแทบคลี่ง !! กำลังหาปลาอยู่ดีๆ เจอซากปลาขนาดใหญ่ ลอยตายพอเข้าไปดูใกล้ๆ สตั้นทันที รวยมหาศาลแล้วโว๊ย !??


 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่แม่น้ำเซเวิร์น บริเวณกลอเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร หลังจากหนุ่มคนนี้พร้อมเพื่อนพบ ซากปลาขนาดใหญ่ลอยตายริมแม่น้ำ จึงเข้าไปดูใกล้เพื่อความแน่ใจ

เมื่อวันที่ 27 ก.ย  เพจสำรวจโลกได้รายงานว่ามีหนุ่มชื่อ Kevin Brady และเพื่อนได้พบเหตุการณ์ประหลาดขณะพายเรือ พบซากปลาตายลอย จึงเขาไปดูและพบว่ามันคือ ปลาทูน่า มีความยาวขนาด 7 ฟุต ลอยที่แม่น้ำเซเวิร์น บริเวณกลอเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร ซึ่งแม่น้ำดังกล่าวอยู่ห่างจากทะเลราว 30 ไมล์ และมันเป็นเรื่องแปลกมากที่จะเจอซากมันที่นี้

 หลังจากนั้นผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวว่า สาเหตุการตายของมันอาจเป็นเพราะมันเป็นปลาที่อยู่ในน้ำทะเล แต่ตามปลาแซลม่อนมา  เมื่อเจอกับน้ำจืดทำให้ตายทันที


 อย่างไรก็ตามปลาทูน่าตัวนี้เป็นสายพันธุ์ ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน แพร่กระจายบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกฝั่งตะวันตกและมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันออก เป็นปลาเศรษฐกิจที่มีความสำคัญเช่นเดียวกับปลาทูน่าชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น เป็นปลาที่ชาวญี่ปุ่นทำการประมงมานานกว่า 5,000 ปี และสายพันธุ์ของมันตัวที่แพงที่สุดเคยขายได้ราคาถึง 500 ปอนด์ ตอนนั้นราคาอยู่ที่ 1 ล้านปอนด์ (อังกฤษ)


ที่มา http://amazing-share11.blogspot.com/2016/09/blog-post_52.html

เผยธาตุแท้ รปภ. ถูกหวย 30 ล้านทิ้งเมียทิ้งลูก ล่าสุดได้เมียใหม่เป็นพริตตี้ โดนสูบจนหมดตัว!!


ยังจำหนุ่มอุดรธานีที่มีอาชีพ รปภ. ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้เงิน 30 ล้านได้มั้ย!!! หลังจากที่กลายเป็นมหาเศรษฐีแล้วทิ้งลูกทิ้งเมีย ซึ่งหลังจากที่เขารวยกลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาได้ไม่ทันไร ก็เลิกเมียทิ้งแฟนทิ้งลูก ล่าสุดหนุ่มอิสานคนนี้ได้แฟนใหม่แล้วนะจ้ะ เป็นพริตตี้อายุยังไม่ถึง 20 หลงหนักหัวปักหัวปำ

เมียใหม่ขออะไรอยากได้อะไร บ้านใหม่ รถใหม่ กระเป๋าแบรนด์เนมแพงๆ หนุ่ม รปภ. สามล้อเศรษฐี จัดให้ไม่เคยปฏิเสธ แต่ลูกเมียกลับไม่สนใจ สร้างความหมั้นไส้ให้กับชาวโซเซียบ จนมีข่าวล่าสุดมีข่าวว่า ทุ่มให้เมียใหม่แทบหมดตัว แต่พอรู้ความจริงถึงกับอึ้ง!! ว่าหนุ่ม อดีต รปภ. คนนี้ยังมีเงินให้ถลุงอีกเพียบ ได้ข่าวว่าเหลือไม่ต่ำกว่า 20 ล้านในบัญชี แถมยังดวงเฮงมาตลอดถูกหวย สองตัวสามตัว ติดซ้อนกันหลายงวด
ไม่แน่ใจว่าชาติที่แล้วทำบุญมาได้อะไรถึงดวงโคตรเฮงขนาดนี้ หนุ่ม รปภ. บอกเพียงว่ามีคนให้หวยแม่นจริงถูกเกือบตลอด ถึงมีเงินให้เมียพริตตี้ใช้แบบไม่เสียดาย ใครอยากรวยหรืออยากรู้หวยแม่นหรือไม่ คลิก!!!

ที่มา http://www.readsabay.com/2016/11/30.html

เกือบตาย!! ลุงแก่ ดื่มน้ำอัดลมนาน 20 ปี พอดูข้างในตัวกลับพบสิ่งนี้ เกือบตายไม่รู้ตัว แชร์เพื่อคนที่คุณรัก


คุณลุงจากมณฑลหางโจว เป็นอัมพาตแขนขา เนื่องจากเงยหน้าดื่มน้ำอัดลม!

เรื่องจริงที่ต้องอ่าน

คุณลุงหวังดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่งมากว่า 20 ปี

เช้าวันนี้นักข่าวเดินทางไปที่ห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในมณฑลหางโจว ลุงหวังวัย 53 นอนอยู่บนเตียงคนไข้โดยสามารถขยับแขนขาได้เล็กน้อย โดยที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเขานอนเป็นอัมพาตขยับส่วนใดไม่ได้เลย

วันที่เกิดเหตุ ลุงหวังซื้อน้ำอัดลมกระป๋องละ 15 บาทจากร้านสะดวกซื้อดื่มเหมือนทุกวัน เขากับเพื่อนๆเดินไปคุยกันแถวป้อมยาม ลุงหวังก็เงยหน้าดื่มโค้กตามปกติ แต่ปรากฏว่าพอดื่มเข้าไปอึกแรกก็เหมือนโดนลมตี อยากอาเจียนแล้วก็หมดสติ ล้มลงไปเลย เพื่อนที่ยืนอยู่ด้วยกันทำอะไรไม่ถูกรีบเรียกรถพยาบาลมาทันที

ตอนที่เข้าโรงพยาบาลวันแรก แพทย์สันนิษฐานว่าเป็นเส้นเลือดในสมองแตก แต่พอเอ็กซเรย์ดูก็ไม่พบเลือดออกในสมอง สองวันต่อมาทำ MRI ก็เลยพบว่ากระดูกสันหลังมีปัญหา จึงถูกย้ายไปเป็นคนไข้แผนกกระดูกและข้อ หลังจากแพทย์ตรวจสอบดูแล้วก็พบว่าเป็นอาการของกระดูกคอทับเส้น ทำให้เกินอาการอัมพาตเกือบทั้งหมดของร่างกาย

 “ภาพเอ็กซเรย์คอของลุงหวังสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากระดูกบริเวณคอไม่ปกติอย่างรุนแรง” คุณหมออธิบายว่า ไม่เพียงแต่กระดูกคอของลุงหวังจะได้รับแรงกดทับอย่างรุนแรงเท่านั้น ไขสันหลังก็ได้รับแรงกดทับจนเกิดอาการบวม ทำให้เส้นประสาทได้รับผลกระทบตามไปด้วยและเกิดอาการดังที่เห็น

อาการที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับพฤติกรรมชอบดื่มน้ำอัดลมเป็นชีวิตจิตใจของลุงหวัง แค่ลุงหวังอ้าปากก็จะเห็นคราบเหลืองที่เกาะอยู่ตามฟัน  ลุงหวังเล่าว่า “เวลาไปทำงาน ตอนเช้าเพื่อนร่วมงานจะซื้อน้ำอัดลมกระป๋องมาฝาก ตอนบ่ายเปลี่ยนเป็นผมซื้อบ้าง ทำอย่างนี้กันอยู่เป็นประจำ วันนึงดื่ม 2-3 กระป๋อง ยิ่งตอนอากาศร้อนๆยิ่งขาดไม่ได้ ถึงแม้ว่าปีหลังๆมานี้จะลดเหลือ 2-3 วันกระป๋องแล้ว แต่รวมๆแล้วก็ดื่มน้ำอัดลมมาเป็น 20 ปี”
คุณหมอชี้ให้เห็นว่า การดื่มน้ำอัดลมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ กระดูกพรุนและเส้นเอ็นจะหย่อนคล้อย สะสมนานๆกลายเป็นโรคกระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อม สมดุลบนคอไม่บาลานซ์ พอดีวันนั้นลุงหวังคงเงยหน้ามากเกินไป เกินกว่าที่เส้นเอ็นจะรับไหว เกิดการบวมจนไปทับเส้นประสาทกระดูกสันหลังจึงเกิดอาการอัมพาต

ผมทำการผ่าตัดมาเยอะมาก คนป่วยประเภทนี้มีไม่น้อย ปัจจุบันคนนิยมดื่มโค้กเยอะมาก แต่ถ้าดื่มต่อเนื่องเป็นเวลานานจะเป็นเหตุให้กระดูกพรุน จริงๆแล้วไม่เพียงแต่โค้กเท่านั้น น้ำอัดลมชนิดอื่นๆก็ควรดื่มแต่น้อย อีกเรื่องที่ผมอยากแนะนำสำหรับคนสมัยนี้ที่ชอบเล่นมือถือ คุณต้องก้มหน้าในมุมที่เหมาะสม แล้วก็ควรตีแบดมินตัน ว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาชนิดอื่นที่ต้องเงยหน้า ถ้ามีอาการปวดคอ มือเท้าชา ติดต่อกันเกิน 3 วันต้องรีบไปพบแพทย์ทันที


ที่มา  : http://www.clip007.com/news-185543

เตรียมตัวรวย!! รู้หรือยัง ตอนนี้คนไทย แค่มีเหรียญ 2 บาทสีทอง แบบนี้.. รับชื้อ ราคา สูงถึง หนึ่งแสนบาทที่ร้านเพชรชื่อดัง!?

เพจ siam  รายงานเรื่อง เหรียญ 2 บาทปี 2551 น้องใหม่แต่มาแรง เหรียญกษาปณ์หมุนเวียน ชนิดราคา 2 บาท เริ่มผลิตใช้มาตั้งแต่ปี 2548 โดยผลิตออกมาเป็นสีเงิน ซึ่งแม่ค้าพากันโวยอยู่พักหนึ่ง เหนื่องจากสับสนกับ เหรียญ ชนิดราคาหนึ่งบาท ซึ่งมีสีเงินเหมือนกัน ขนาดต่างกัน 1.75 มิลลิเมตรหากใครมีติดต่อร้านปานหนัน จิวเวลรี่ ได้เลย


ทางกรมธนารักษ์จึงเปลี่ยนจาก สีเงิน มาเป็น สีทอง ใน ปีพ.ศ.2551 ซึ่งในปี 2550 เป็นปีสุดท้ายที่ผลิตออกมาเป็นสีเงิน ซึ่งส่วนตัวผมเองนั้น คาดการณ์ว่า จะเป็นที่ต้องการของ นักสะสมในอนาคต

สำหรับวันนี้ ขอจุดประกายให้กับน้องๆ มือใหม่และ เด็กๆ ที่ยังไม่มีกำลังแต่กำลังจะสะสมว่า เหรียญ2บาท ปี 2551 นั้นมีความน่าสนใจมากๆ เนื่องจากจำนวนการผลิต เพียง 10 ล้านเศษๆ เท่านั้น ซึ่งเป็นเหรียญ2 บาทสีทองที่ผลิตมาจำนวนน้อย

และไม่เหนือกว่าการคาดการณ์ มากเท่าใดนักที่มีการประมูลเหรียญ ตัวนี้แบบเต็มถุง 100 เหรียญ จบที่ราคา 3,500 บาทไปเมื่อวานนี้ (30 ต.ค. 2559) เฉลี่ยตกเหรียญล่ะ 35 บาท จากเดิม 2 บาท ในปี 2551
ผมเชื่อว่าในอนาคตยังมี เหรียญ2 บาทปี 2557 อีกรุ่นที่น่าจับตามอง ตอนนี้ก็ยังมีหมุนเวียนในตลาดอีกเป็นจำนวนมาก แต่ก็คงผ่านการใช้งานมาแล้วไม่มากก็น้อย ดังนั้นใครที่มี และยังอยู่ในสภาพที่สวยจริงๆ #ไม่มีรอยด่าง หรือ #รอยขูดขีดใดๆ เก็บเข้าอัลบั้มได้เลยครับ ยังไงราคาเกินกว่า 2 บาทแน่นอน ครับ

ฟันธงว่าเก็บไว้ดีแน่ๆ แต่ตอนนี้ดูจากรุ่นพี่ ปี 2550 นั้นราคาขยับมาพอควร(ต้องสวยจริง) ตามมาด้วยปี 2551 ส่วน 2557 ดูจากจำนวน นั้นมีน้อยกว่าเพื่อน ดูแล้ว อนาคตสดใสแน่อีกตัวหนึ่ง

ที่มา upyim

ฮือฮา!! ซื้อที่ดินพร้อมโกดังร้าง 15 ปี ราคาถูก เชื่อมั๊ยเปิดออกมานะ ตาลุกอ้าปากค้าง งานนี้รวยแล้ว???


เจ้าของเดิมที่ตัวเองและภรรยาเสียชีวิตไปแล้ว มีคนสนใจมาแวะดู แต่เนื่องจากห่างไกลผู้คน และภายนอกดูทรุดโทรมมาก ถึงแม้ราคาจะถูก แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เนื่องจากฝ่าด่านเข้าไปตรวจภายในไม่ได้ หลังจากคุณปู่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ จึงได้จ้างคนงานมาแงะและรื้อประตูที่ถูกปิดล๊อคอยู่อย่างแน่นหนาออก และ เมื่อเปิดประตูมา คุณรู้ไหมอะไรอยู่ในนั้นแต่ไหนๆก็ซื้อมาแล้ว.. คุณลุงก็ได้ซื้อเครื่องปั่นไฟ และเครื่องตัดเหล็ก








ที่มา http://newsdodai.blogspot.com/2016/10/15.html

Home / คลิปดังโดนใจ / เกือบสาย !!! พัดลมเสีย ไม่หมุน หมุนช้า ซ่อมเองง่ายๆ ใช้เงินเพียงแค่ 20 บาท (มีคลิป) เกือบสาย !!! พัดลมเสีย ไม่หมุน หมุนช้า ซ่อมเองง่ายๆ ใช้เงินเพียงแค่ 20 บาท (มีคลิป)

Home / คลิปดังโดนใจ / เกือบสาย !!! พัดลมเสีย ไม่หมุน หมุนช้า ซ่อมเองง่ายๆ ใช้เงินเพียงแค่ 20 บาท (มีคลิป)
เกือบสาย !!! พัดลมเสีย ไม่หมุน หมุนช้า ซ่อมเองง่ายๆ ใช้เงินเพียงแค่ 20 บาท (มีคลิป)
หนาม แดง 10:49 คลิปดังโดนใจ
อาการพัดลมไม่หมุน พัดลมหมุนช้าเราสามารถซ่อมได้ง่าย ๆ ครับ ไม่ต้องยกไปร้านสามารถทำได้เองทั้งผู้หญิงและชาย เพราะอาการ พัดลมไม่หมุนฝืด มีสาเหตุไม่มากครับงั้นเรามาดูกันครับว่าการซ่อม พัดลมตั้งโต๊ะไม่หมุน เนี่ยมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง


 อาการเสียพัดลมไม่หมุนเกิดจากตัว Capacitor ที่ทำงานร่วมกับ Motor ของพัดลมเสียครับ Capacitor หรือที่บางคนเรียกว่า ตัว C หรือบางคนเรียกตัว CAP ครับ ไม่ผิดแต่อย่างใด จริงๆ แล้ว อาการพัดลมหมุนช้า ไม่หมุนนั้น โดยมากเกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก ๆ ก็คือ Motor เสีย และตัว Capacitor ค่ามันเสื่อมหรือเสียนั่นแหละครับ ซึ่งโอกาสที่จะเป็นไปได้มากที่สุดก็เป็นเจ้าตัว Capacitor นี่แหละครับ ส่วนอาการอื่นๆ ที่อาจจะเกิดตัว Capacitor เสียได้อีกก็คือ พัดลมไม่หมุน หรือ ต้องหมุนด้วยมือก่อนถึงจะทำงาน หรือ ทำงานไปซักพักก็ค่อยๆ หยุด จับตัว Capacitor เปลี่ยนได้เลยเช่นกันครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะตรวจเช็คดูก่อนนะครับว่าแกนหมุนไม่ได้ฝืดมาก อันนั้นเกิดจากไม่ค่อยได้ถอดมาล้างทำความสะอาด เป่า ปัด ฝุ่นบริเวณมอเตอร์เลย ซึ่งควรทำเป็นประจำครับ 2-3 เดือนซักครั้งนึงหากเราใช้งานทุกวันแต่ผมใช้ยาวครับได้ถอดมาทำความสะอาดเลย คริคริ..


เครื่องมือที่ใช้ซ่อมพัดลมไม่หมุนก็มีดังนี้ครับ
1. ไขควงแฉก
2. คีมตัดหรือ Cutter ก็ได้
3. หัวแร้ง
4. ตะกั่วบัดกลี
5. ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือตัว Capacitor
6. ส่วน Meter วัดไฟจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ ไม่ค่อยจำเป็นผมเอามาเช็คเพื่อให้เห็นว่าตัวที่เสียเกิดจากตัว Capacitor ครั


นี่ครับตัว Capacitor ราคา 20 บาทเอง ซื้อได้ที่ร้านอมรครับ หากใครมีโอกาสไปเดินบ้านหม้อก็อาจจะหาได้ในราคา 10-15 บาท หรือร้านที่ขายอะหลั่ยเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วแต่สะดวกครับ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใช้ค่าแบบไหนสำหรับตัวที่เราจะซ่อม ก็ต้องถอดร์อพัดลมมาดูก่อนครับ ซึ่งโดยทั่วๆ ไป (เกือบทุกยี่ห้อทุกรุ่น) ก็จะใช้ค่า 1.5uF(Micro Farad) 400V ครับ แต่เพื่อชัวร์ก็ควรจะถอดรื้อดูก่อนครับ หรือเอาตัวอย่างไปถามที่ร้านขายได้เลย บอกคนขายว่า Capacitor พัดลมครับบ


ขั้นตอนแรกก็ถอด ๆๆ ก่อนเลยครับ ก่อนที่จะถอดอย่าลืมดึงปลั๊กก่อนนะครับ เกือบ ทุกยี่ห้อของพัดลมเจ้าตัว Capacitor จะอยู่ติดกับ Motor ครับแต่บางรุ่นจะอยู่ที่ปุ่มกด speed ครับ เพราะหากลากสายยาวไป สายที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะทำให้ค่า Capacitor เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ เพราะฉะนั้นบริษัทผู้ผลิตก็จะเอาไว้ติดกับ Motor ครับ โดยจะมีน๊อต 2 ตัว ต้องถอดน๊อตตัวบนก่อน จากนั้นก็ถอดตัวที่ท้ายครับ
หลังจากนั้นก็จะได้หน้าตาแบบนี้ครับ ตัว Capacitor ก็คือที่ลูกศรชี้ไว้นั่นแหละครับ ขันน๊อตตัดสายออกมาได้เลย ไม่มีขั้วครับ ตอนต่อกลับต่อยังไงก็ได้ เอามาตรวจวัดให้ดูครับ ค่าที่ได้ของตัวนี้คือ 0.444 uF ซึ่งค่าปกติจะเป็น 1.5 uF เสียแน่นอน ซึ่งถ้าค่าน้อยกว่านี้อาจจะทำให้พัดลมไม่หมุนเลยก็ได้ ค่าที่โชว์ในรูปคือ 444.2 nF (Nano Farad) ซึ่งก็เท่ากับ 0.4442 uF (Micro Farad) ซึ่งก็คล้ายๆ กับ 1000 มิลลิกรัม เท่ากับ 1 ครับ 1000 เท่ากับ 1 กิโลกรัม นั่นแหละครับ ซึ่งจริงๆ ค่าพวกนี้มันแบ่งย่อยได้ลงไปอีก มิลลิ —> ไมโคร —> นาโน —> พิโก้ ใครเรียนมาทางสายวิทย์อาจจะคุ้นเคยAdvertisement
จากนั้นก็ปอกสายไฟตรงปลายเพื่อพัดกลีครับ ต้องระมัดระวังไม่ไปทำให้ส่วนอื่นๆ ของพัดลมเสียหายนะครับ เพราะขดลวด motor จะเล็กมากๆ ขายเอาได้ง่าย จริงๆ ขั้นตอนนี้ใครไม่มี หัวแร้ง ตะกั่ว ก็สามารถใช้วิธีการพันสายไฟได้ครับ เพียงแต่ต้องพันเข้ากันให้แน่นหนาที่สุด และหลังจากนั้นต้องพันด้วยเทปพันสายไฟอีกครั้ง อันนี้จำเป็นมากๆ นะครับไม่งั้นไฟช๊อตเอาได้
เสร็จแล้วก็จัดเก็บตำแหน่งครับ ขัดน๊อตยึดตัว Capacitor หรือหากตัวใหม่ที่ซื้อมาไม่มีขาสำหรับยึดน๊อต เหมือนที่ผมซื้อมาก็ใช้กาวสองหน้าได้ครับ จากนั้นก็ใส่ฝาครอบคืนตำแหน่ง ใส่ขาที่สำหรับดึงให้พัดลมส่าย คืนตำแหน่งครับ
เพิ่มเติมน้ะครับพอดีไปเจอ Video สอนซ่อมพัดลมหมุนช้ามาครับเลยเอามาฝากครับ
เห็นไหมครับว่าการซ่อมพัดลมอาการพัดลมหมุนช้าหรือพัดลมไม่หมุนนั้นเราเองสามารถซ่อมได้เพี่ยงแค่ 20 บาทเท่านั้น หากเราเอาพัดลมไปซ่อมที่ร้านรับรองต้องมี 200-300 บาทแน่นอนครับ และอีกอย่างเราเองก็ภูมิใจที่ได้ทำอะไรด้วยตัวเองโดยเริ่มจากการซ่อมพัดลมไม่หมุนนี่แหละครับ



ที่มา  http://newsdodai.blogspot.com/2016/06/20_26.html

รวยไม่จน !!! เผย 5 จุดสำคัญ ที่ห้ามวาง สิงศักดิ์สิทธิ์ ทำตามแล้วคนในบ้านมีแต่ความสุข

สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ทุกบ้านต้องมี เพื่อความสบายใจและให้เป็นศิริมงคลแก่คนในบ้าน แต่ก็ใช่ว่าเพียงแค่หามาแล้วจะนำไปวางหรือไปจัดตั้งไว้ตรงไหนก็ได้ ตามความเชื่อแล้ว การวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ถูกจุดของบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะส่งผลดีหรือผลเสียต่อคนในบ้าน วันนี้ไข่เจียวมีความรู้มาฝาก เกี่ยวกับ 5 จุดในบ้านที่ไม่ควรวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะจะส่งผลเสียกับคนในบ้าน จะมีจุดไหนบ้างไปดูกันเลย


1) ห้ามวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์พิงผนังห้องน้ำ
ตามหลักเบญจธาตุ (5 ธาตุ) สิ่งศักดิ์แทนความหมายของธาตุไฟ ส่วนห้องน้ำ ห้องส้วม คือ ธาตุน้ำ ซึ่งตามธรรมชาติน้ำจะดับไฟ จึงถือเป็นธาตุที่กระทบหรือพิฆาตกัน
2) ห้ามวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือขอบประตู
เพราะประตูเป็นจุดที่ไม่มั่งคั่ง กระแสที่วิ่งลอดไปมาจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย
3) ห้ามวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใต้คานบ้าน
เพราะคานจะกดทับองค์ทำให้พลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถูกกดเอาไว้ ไม่สามารถช่วยได้อย่างเต็มที่
4) เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ห้ามเป็นห้องน้ำหรือเตียงนอน
ถือว่าไม่แสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
5) ห้ามวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์พิงเสาที่ลอย
เสาลอยแสดงถึงความไม่มั่นคง การเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปวางในที่ที่ไม่มั่นคง
เป็นความเชื่อที่เชื่อกันมาตั้งแต่โบราณกาล ก็อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่เพื่อความสบายใจ การเชื่อคำเตือนคนโบราณก็ไม่เสียหาย เพราะส่วนใหญ่มักจะมีเหตุมีผลของความเชื่อ และให้ผลดีเสมอค่ะ

ที่มา http://newsdodai.blogspot.com/2016/06/5_15.html

Home / ข่าวด่วน / ด่วน !!! พานาโซนิคไทย ยุบแผนก ย้ายฐานไปต่างประเทศ คนงานร่วม 400 คนลาออก ถ้าได้อ่านข้อมูลนี้แล้ว เราต้องประหยัดให้มาก ด่วน !!! พานาโซนิคไทย ยุบแผนก ย้ายฐานไปต่างประเทศ คนงานร่วม 400 คนลาออก ถ้าได้อ่านข้อมูลนี้แล้ว เราต้องประหยัดให้มาก

ล่าสุดผู้สื่อข่าวสยามอัพเดท ได้รับข้อมูลด่วนจากแฟนเพจ siamupdate สดๆร้อนๆว่า ตอนนี้ต้องล้มทั้งยืน เพราะเขาและเพื่อนๆกำลังจะตกงาน แล้ว โดยข้อมูลได้ปรากฎที่

 เว็บไซต์ข่าวแรงงาน (voicelabour) รายงานว่า บริษัทพานาโซนิค แอ็พไลแอ็นซ์(ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้เปิดจ่ายเงินค่าชดเชยและเงินพิเศษให้คนงานพานาโซนิคกว่า 300 คน ที่ได้เข้าโครงการสมัครใจลาออก ตามที่บริษัทได้เปิดให้คนงานเข้าโครงการ โดยมีข้อเสนอจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย เงินพิเศษตามอายุงาน ค่าตกใจ 2 เดือน และโบนัส 9-10 เดือน ซึ่งทางบริษัทได้มีการประกาศล่วงหน้าตั้งแต่เดือนเมษายน 2558 ให้เข้าโครงการในวันที่ 1 พฤษภาคม-มิถุนายน 2558 ซึ่งมีคนงานที่เข้าโครงการสมัครใจลาออกเกือบ 400 คน
 นายเฉลย สุขหิรัญ ประธานสหภาพแรงงานพานาโซนิคแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงสถานการณ์การเปิดโครงการสมัครใจลาออกของบริษัทว่า บริษัทได้ชี้แจงต่อคนงานว่า ต้องการปิดแผนกการผลิต 2 แผนกคือ แผนกผลิตหม้อหุงข้าวกับแผนกผลิตกระติกน้ำร้อนโดยใช้หลักการเปิดสมัครใจลาออก แทนการเลิกจ้างโดยจะจ่ายค่าชดเชยให้ตามกฎหมายพร้อมเงินพิเศษ
 การปิดแผนกงานครั้งนี้ นายจ้างอ้างว่า ต้องการปิดการผลิตเพราะต้องการปรับโครงสร้างใหม่ จึงต้องยุบบางแผนกลง และสหภาพแรงงานเพิ่งทราบจากผู้บริหารบริษัทอีกว่า ได้มีการย้ายฐานการผลิตแผนกกระติกน้ำร้อนไปยังนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี ส่วนหม้อหุงข้าวได้ย้ายฐานไปประเทศมาเลเซีย กับอินเดีย
ซึ่งในส่วนของโรงงานในนิคมอมตะนครได้เปิดให้มีคนงานส่วนหนึ่งย้ายตามไปด้วย แต่ส่วนใหญ่ต้องให้เข้าโครงการสมัครใจลาออก ด้วยทั้งสองแผนกการผลิตนั้นคนงานส่วนใหญ่ทำงานมานาน อายุงานเฉลี่ยก็เป็น 10 ปี และอายุคนงานก็เฉลี่ยที่ 37-54 ปีแล้วได้ค่าชดเชยอยู่ที่ประมาณ 15-20 เดือน บวกเงินขอบคุณและเงินพิเศษอื่นๆ อีก
 “ในฐานประธานสหภาพแรงงานรู้สึกเสียดายเพราะคนที่ออกเป็นกลุ่มสมาชิกรุ่นเก่าและกรรมการส่วนหนึ่งที่ต้องจำใจสมัครใจลาออกไปซึ่งในส่วนของแผนกหม้อหุงข้าวถือว่าเป็นสมาชิกที่ร่วมกันทำงานมานานให้กับบริษัทและเป็นรุ่นก่อตั้งสหภาพแรงงานด้วย ซึ่งตอนนี้ก็คงต้องมาปรับกระบวนการในสหภาพแรงงานและปรึกษาหารือกับกรรมการสหภาพแรงงานใหม่ที่จะเข้ามาช่วยกันทำงานองค์กร”นายเฉลยกล่าว

ที่มา http://newsdodai.blogspot.com/2016/07/400.html

เด็กน้อยเห็นสิ่งแปลกๆ ในทะเลสาบ แต่ไม่ได้สนใจ จนกระทั่ง 50 ปีต่อมา เขากลับมาเจอสิ่งนี้!!!

เมื่อประมาณ 50 ปีก่อน เด็กชายคนหนึ่งกำลังเดินเลียบทะเลสาบ Kurtna Matasjarv ในประเทศรัสเซีย และได้เห็นบางสิ่งแปลกๆ บริเวณริมตลิ่ง เขาเห็นเหมือนร่องรอยของรถถังที่วิ่งเข้าไปในทะเลสาบ แต่ก็ไม่ได้พบอะไรอย่างอื่นอีก



จนกระทั่ง 2 เดือนต่อมา เขากลับมาที่นี่อีกครั้ง เขาสังเกตุเห็นฟองอากาศที่ผุดขึ้นจากทะเลสาบ แต่ก็ไม่ได้สนใจมันจนถึงขนาดต้องลงไปสำรวจใต้น้ำแต่อย่างใด แต่เรื่องราวยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เพราะ 50 ปีต่อมา เขาเกิดนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จึงได้ตัดสินใจกลับไปยังสถานที่แหงนี้อีกครั้งเพื่อคลายข้อสงสัยในวัยเด็ก และสิ่งที่เขาพบก็ทำให้เขาต้องถึงบางอ้อ เพราะตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา มีรถถังคันโต มาจม
 อยู่ในทะเลสาบแห่งนี้นั่นเอง หลังจากขุดลึกลงไป ก็พบว่ารถถังคันนี้จมลงไปลึกถึง 7 เมตร รถถังคันนี้คือรถถังรุ่น Komatsu D375A-2 ซึ่งเป็นรถถังตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เหล่าบรรดาผู้ที่ชื่นชอบในประวัติศาสตร์ ต่างมาช่วยกันดึงมันขึ้นมาจากทะเลสาบแห่งนี้ และนี่ก็ถือเป็นอีกการค้นพบที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย ว่าแต่ไม่รู้รถถังที่ถูกค้นพบนี้ จะต้องเป็นของใคร ชายผู้นี้จะมีสิทธิ์ในรถถังคันนี้หรือมันจะตกเป็นของรัฐบาลกันแน่

ที่มา http://newsdodai.blogspot.com/2016/05/50.html

รู้แล้วจะอึ้ง !!! แมลงวัน กลัวสิ่งนี้ การตากอาหารแดดเดียว ทั้งหมู ปลา เนื้อ ไม่ให้แมลงวันตอม ง่ายนิดเดียว!!!!

วันนี้มีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ มาฝากคุณแม่บ้าน พ่อเรือนทั้งหลายกันครับ สิ่งเหล่านี้เราไม่ควรมองข้ามเพราะเป็นเกล็ดความรู้ที่มีคุณค่าควรแก่การถ่ายทอดให้ลุกหลานเอาไว้ใช้ในภายภาคหน้าได้เลยทีเดียว ดูยิ่งใหญ่ไปมั้ย!!!


หากพูดถึงอาหารแห้ง แน่นอนว่าหลายๆ คนนั้นนึกไปถึงหมูแดดเดียว เนื้อแดดเดียว หรือว่าปลาแดดเดียวโดนเฉพาะปลาสลิดแดดเดียวนี่ทอดอร่อยฝุดๆ ไปเลยครับ หลายคนนั้นก็มักจะชอบทำอาหารแดดเดียวแบบนี้ไว้ทานเอง แหม่…ก็เวลาที่ไปซื้อมากินมันแพงเอาการเหมือนกันนี่นา แถมถ้าทำเองได้ก็จะประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกระดับหนึ่งด้วย ยุคนี้ต้องประหยัดไว้ก่อน
ที่จะทำอาหารแดดเดียวไว้ทานเอง ปัญหาต่อมาของการตากอาหารก็คือ แขกไม่ได้รับเชิญที่น่ารังเกียจอย่าง แมลงวัน ที่มันจะคอยมาบินวน เกาะๆ ตอมๆ อาหารที่เราตากเอาไว้ แถมบางครั้งมันยังไข่ลงไปในอาหารแดดเดียวของเราซะด้วย ทำเอาอาหารสุดแสนที่จะอร่อยของเรานั้นไม่น่ากินขึ้นมาในทันใด ไหนจะเชื้อโรคที่จะตามมาอีกต่างหาก ถ้าปล่อยไว้นานอาจจะเป็นตัวหนอนชอนไช ยี้!!!
 และเคล็ดลับง่ายๆ ที่เราจะป้องกันไม่ให้แมลงวันมาตอมอาหารแดดดเดียวของเรานั้นก็คือ “ชิงทำกินตั้งแต่ยังไม่ได้ตากแดดครับ เพี้ยะ!! เสียงฝ่ามือลงที่กระบาลผู้เขียน จนต้องหยุดเล่นมุข!! วิธีการง่ายๆ ก็คือ ให้นำพริกแห้ง ลงไปวางไว้ในภาชนะที่เรานำไปตากอาหาร อาจจะเป็นกระด้งหรือชาม ก่อนที่เราจะนำอาหารไปตาก หรือจะเอาไม้เสียบพริกแห้งไปปักไว้รอบๆ ก็ได้ จะช่วยไล่แมลงวันไม่ให้มารบกวน หมู เนื้อ และปลาแดดเดียวของเราอีกต่อไป ซึ่งวิธีนี้ผ่านการทดลองมาแล้วได้ผลจริง 100%!!!
แต่ว่าพริกแห้งนั้นป้องกันได้เฉพาะแมลงวันเท่านั้นน่ะครับ ฉนั้นคุณต้องเฝ้าระวัง แมว และสัตว์อื่นๆ ที่จะมาขโมยอาหารแดดเดียวของคุณไปแบบไม่ได้กลับคืนด้วยก็แล้วกัน อิอิ

ที่มา http://newsdodai.blogspot.com/2016/05/blog-post_73.html

ชาวบ้านสงสัยพระธุดงค์เข้าไปทำอะไร ในบ้านหลังเล็กๆทุกวัน เมื่อรู้เรื่องทุกคนต่างยกมือสาธุ

หลังจากที่ชาวบ้านลือกันว่ามีพระธุดงค์ ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.ชากบก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ว่ามีพระเดินบินฑบาต แล้วนำอาหารเข้าไปบ้านขนาดเล็ก ในสวนผลไม้ทุกวัน โดยไม่ได้นำอาหารกลับไปวัดแต่อย่างใด ทำให้ นายจินดา บุญสม อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่ เป็นตัวแทนประชาชนเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบ พระสง่า วิริโย อายุ 41 ปี กำลังปรนนิบัติ ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ป้อนยา เช็ดตัว ซักผ้า ให้กับ นางศรีนวล ให้ลาภ อายุ 65 ปี ที่นอนป่วยอยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว สภาพร่างกายจากคนอ้วนใหญ่ กลายเป็นคนผอม ไม่สามารถลุกนั่งและเดินได้ ที่นิ้วเท้าทั้งสองข้าง กุด แต่สภาพแผลแห้งหมดแล้ว

 นาง นางศรีนวล เล่าว่า ป่วยมาแล้ว 3 ปี ด้วยโรคประจำตัว หลายโรคคือ บาวหวาน โรคไต และความดันโลหิตสูง นอนอยู่บ้านเพียงคนเดียว เพราะลูกชายคือ พระสง่า วิริโย ได้ไปบวชเป็นพระพรมจรรย์ตั้งแต่อายุ 23 ปี ขณะนี้ได้ 17 พรรษา ส่วนมากจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์เขาขุนอินทร์ ต.วังจันทร์ อ.แกลง จ.ระยอง ส่วนมากจะ เดินธุดงค์ไปตามจังหวัดภาคอีสาน จึงไม่อยากรบกวนเวลาของท่าน จนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ญาติจึงได้ติดตามหาจนพบและบอกว่าโยมแม่ป่วย พระจึงได้ลงมาปรนนิบัติดูแล ด้วยการออกบิณฑบาตตอนเช้า นำอาหารมาป้อนให้กิน ไปหาตัวยาสมุนไพรมาปรุงยาให้กินเพื่อแก้โรคบาวหวาน โรคไต และโรคความดันโลหิตสูง จนทำให้แผลตามนิ้วเท้าแห้งสนิท ได้นานถึง 3 เดือนแล้ว

ด้านพระสง่า กล่าวว่า อาตมาเอง เป็นบุตรชายคนเดียวของแม่ที่เหลืออยู่ เพราะตอนเกิดมีแฝดหญิง 1 คน มาเสียชีวิตตอนอายุ ได้เพียง 3 เดือน แม่เล่าว่ามีที่ดิน สมบัติเก่า แต่ถูกญาติโกงไปหมด จึงได้ต้องมาอาศัยอยู่ในสวนของญาติที่เมตตา บ้านขนาดเล็ก ขณะนี้มีกองทุนสวัสดิการชุมชนชากบก ได้คอยมาดูแล ช่วยเหลือ ซ่อมทำบ้านที่ผุพังให้ตลอด จนสามารถหลบแดด หลบฝนได้จนถึงทุกวันนี้ อาตมาเองได้หนีปัญหาทางโลก ไปสู่ทางธรรม แต่เมื่อมารดาป่วย จึงได้ยึดพระธรรมวินัย พูทธานุญาต มาดูแล ปรนนิบัติมารดาที่บ้าน และคงไม่สามารถละเมตตา กตัญญู ได้ จนกว่าจะดูแลมารดาให้ถึงที่สุดจนวินาทีสุดท้าย และจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้มารดาไปอย่างสงบสุข ไม่ต้องกังวล ไม่ทรมานจากบาดแผลทางกาย และทางใจ หลังจากที่กลับมาปรนนิบัติมารดา พบว่าแผลที่กำเริบจากเบาหวานที่เท้าทั้งสองข้าง ทำให้เกิดความเจ็บปวดทรมาน จึงได้นำวิชาแพทย์แผนไทยโบราณ มาผสมผสานการรักษากับแผนปัจจุบัน ค้นหาสมุนไพรตามตำรามาปรุง ให้ดื่ม และทาตามแผล ผิวหนัง จนทำให้แผลได้แห้งหมดแล้วในขณะนี้ และได้มีญาติ โยม ที่ทราบข่าวนำปัจจัยมาช่วยเหลือในการดุแล รักษามารดา อีกด้วย

ที่มา http://newsdodai.blogspot.com/2016/07/blog-post_3.html

ค้นพบมัมมี่สภาพดี อายุราว 3,000 ปี บรรจุโลงไม้ลวดลายสีสดใส


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทีมนักโบราณคดีของประเทศสเปนค้นพบมัมมี่อายุราว 3,000 ปี ที่ยังคงอยู่ในสภาพดีมาก ภายในสุสานใกล้เมืองลักซอร์ ทางตอนใต้ของประเทศอียิปต์ ซึ่งมัมมี่ที่ถูกค้นพบนี้ถูกห่อด้วยผ้าลินินและพอกด้วยปูนปาสเตอร์ บรรจุอยู่ในโลงศพไม้ที่มีลวดลายสีสดใส

ตามรายงานระบุว่า มัมมี่นี้น่าจะมีชีวิตอยู่ในสมัย 664-1,075 ปีก่อนคริสตกาล โดยถูกฝังอยู่ในสุสานใกล้กับวิหารของฟาโรห์ธุตโมซิสที่ 3 ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ และคาดดว่ามัมมี่นี้น่าจะเป็นของขุนนางตระกลูสูงศักดิ์ชื่อ อาเมนเรเนฟ (Amenrenef ) ข้ารับใช้กษัตริย์ในสมัยนั้น

หัวหน้าทีมนักโบราณคดีมีเรียม เซโก อัลวาเรซ (Myriam Seco Alvarez) กล่าวว่า มัมมี่นี้ถูกค้นพบพร้อมกับโลงศพที่ประดับตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ความเชื่อและสาสนาของอียิปต์ เช่น เทวีไอซิส เทวีเนฟธีส และสี่จตุรอาชา
ซึ่งเมืองลักซอร์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของอียิปต์ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวิหารและหลุมฝังศพที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยของฟาโรห์ที่เรืองอำนาจ แต่เนื่องจากการทำรัฐประการในปี 2011 และความไม่แน่นอนทางการเมือง ความไม่สงบทางสังคม ทำให้เมืองโบราณนี้ค่อยๆ ทรุดโทรมลง

ที่มา http://news.sanook.com/2101990/

อึ้ง! ชาวประมงโอมานพบ "อำพันทะเล" หรือ "อ้วกปลาวาฬ" มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท


วันที่ 14 พ.ย. 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก "สำรวจโลก" ได้เปิดเผย ภาพอำพันทะเล หรือ ของเสียจากปลาวาฬสเปิร์ม น้ำหนักกว่า 60 กิโลกรัม

ระบุว่า "ชาวประมงในโอมานพบอำพันทะเลมูลค่าราว 2 ล้านปอนด์ Khalid Al Sinani ชาวประมงในประเทศโอมานพบอำพันทะเล ที่มีน้ำหนักกว่า 60 กิโลกรัม เขาเผยว่าเขาได้กลิ่นแปลกๆ มาแต่ไกล จากนั้นก็รีบนำเรือออกไปเก็บมันมา โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอำพันทะเลก้อนนี้มีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านปอนด์

อำพันทะเล เป็นผลิตผลที่มาจากการสำรอกหรือการขับถ่ายของวาฬสเปิร์ม มีลักษณะเป็นของแข็งซึ่งเป็นก้อนไขมันมีหลายเฉดสีตั้งแต่สีเทาหรือสีดำ ไปจนถึงสีโทนอ่อนอย่าง สีส้มหรือสีขาวคล้ายหินอ่อน มีส่วนประกอบของคลอเรสเตอรอลและไขมันร้อยละ 80, สารเบนโซอิก และแอลกอฮอล์เชิงซ้อนทำให้มีกลิ่นหอม"
ที่มา http://news.sanook.com/2101758/

หมอสุดทน ออกมาแฉประจาน !! โพสต์แรง “ควายทั้งนั้นที่โรงพยาบาลนี้” เพราะสาเหตุที่หลายคนฟังแล้วก็รับไม่ได้

 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 โลกออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวจากเฟซบุ๊คชื่อ Chackrapong Deesri ซึ่งเคยเป็นหมอมาก่อน ออกมาโพสต์เรื่องราวสุดฉาวของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง กรณีตนได้พาผู้ป่วยหอบหืดเข้ารับการช่วยเหลือจากโรงพยาบาล แต่แล้วกลับพบกับเรื่องที่ต้องทำให้หงุดหงิดใจด้านการให้บริการของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นทั้งแพทย์และพยาบาล ที่ให้การช่วยเหลือแบบผิดวิธีและไม่เต็มที่ ดูแล้วเหมือนมุ่งหวังผลประโยชน์ทางธุรกิจซะมากกว่า โดยได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังว่า

"โรงฆ่าสัตว์ หรือโรงบาลศูนย์กันวะ..ว่าจะไม่ด่าแล้วนะ!!

        เช้าตรู่นี้ ช่วงตี 3-3 ครึ่ง คนไข้..มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ไม่มีสายหูฟังแต่ใช้หูแนบที่หลัง มีเสียงดัง wheezing เบาๆเวลาหายใจออกบริเวณหลอดลม มีอาการไอ สำลักเวลาแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกมากๆ ทุรนทุราย พูดแทบไม่ได้ ได้แต่พูดย้ำๆว่า หายใจไม่ออกๆๆๆ

        ..ก่อนนี้ไปกิน เหล้าปั่น และ smirnof แม้จะเมาหลายครั้งแต่ไม่เคยหายใจไม่ออก..ประวัติเคยมีอาการ หายใจไม่ออกเวลาเหนื่อยๆ (หืด)

        จากประสบการณ์ที่ผมเป็นแพทย์มา 30 กว่าปี คนไข้เป็น Asthma หรือหืดแน่นอน..จึงจะพาไปซื้อยาพ่น Ventolin ปรากฏว่าตี 4 ร้านยาที่ห้าแยกน้ำพุปิด

         คนไข้หายใจเหนื่อยมาก ทุรนทุราย จึงรีบพาไปโรงบาลศูนย์อุดรธานี รีบบอกแพทย์เวรและพยาบาลว่าคนไข้เป็น Asthma หืด มีอาการหอบหายใจไม่ออก
 พยาบาลคนหนึ่งสวนออกมาว่า ทะเลาะกันมาไหม ผมบอกว่าเปล่า เขาเป็นหืด แล้วพยาบาลรีบตะโกนว่า Anxiety ,Diazepam ผมรีบบอกว่าผมเป็นแพทย์ เขาถามว่าแพทย์ที่ไหน ผมบอกว่าตั้งแต่พวกคุณยังไม่เกิดและเลิกคิดเลยว่า Anxiety (เครียด) เขารีบไล่ผมไปทำบัตร แล้วไล่ผมรีบออกจากห้อง เขาบอกว่าพี่ยิ่งอยู่เขายิ่งเป็น(เครียดมาก) นึกในใจว่า นี่พวกควายทั้งนั้นที่โรงบาลนี้

         พยาบาลอีกคนว่า "นี่หมอฉีด Valium แล้วเดี๋ยวก็ดีขึ้นคุณรีบออกไปหาที่นั่งพักข้างนอกโน้น" ..ผมตกใจ พยาบาลวัดชีพจร(หัวใจ)เต้น 136-145 ครั้งต่อนาที นี่จะช็อกจากหัวใจล้มเหลว เพราะหายใจไม่ออก แถมฉีดแวเลี่ยม 1 หลอดเข้าไปในคนเมาที่เป็นหืด อาการยิ่งหนัก มันไม่รู้หรือว่า ยานอนหลับ+เหล้าจะกดศูนย์ควบคุมการหายใจ อาจหยุดหายใจได้ทันที พยาบาลก็รีบไล่ผมเป็นครั้งที่สอง

        ผมออกไปนั่งด้านนอกห้อง ER..ได้เกือบ 20 นาที ทนไม่ไหว กลัวจะน็อคหยุดหายใจเพราะฉีด Diazepam ขอเข้าดูอาการ ไม่มีใครเฝ้าดู ปิดม่าน คนไข้ทุรนทุราย ชีพจร 143 ครั้งต่อนาที ผมรีบหิ้วปีกลงจากเตียง ขอย้ายโรงบาลทันที ผมขอเปลแต่ไม่ไม่ใครช่วย ผมหิ้วปีกลงจากเตียง ผ่านหน้าน้องที่เป็นหมอแพทย์เวร มองแค่ตาปริบๆ พยาบาลรีบตะโกน "พี่อย่าลืมไปจ่ายบิลด้วย 150บาท" ..ผมวางคนไข้นั่งหน้าประชาสัมพันธ์ พยาบาลสองคนที่นั่น ไม่มีใครเหลียวแล ไม่เรียกเปล ผมวิ่งไปห้องจ่ายเงินที่อยู่ไกล รีบหิ้วปีกไปโรงพยาบาลวัฒนาราวๆตี 5

       ที่วัฒนามีแต่พยาบาล ผมพยายามบอกว่าเขาเป็นหืด ผมถามหาแพทย์ เขายังไม่รีบตรวจหรือทำอะไรกัน ผมบอกขออ๊อกซิเจน และฉีดกลูโคสให้ก่อน เขาวัดชีพจรได้ 136 ครั้งต่อนาที พอหมอมาถึง ผมบอกว่าผมเป็นแพทย์ เขาเป็นหืด หายใจไม่ออก และเขาเมาขอกลูโคสก่อน เขาก็สั่งตาม หมอบอกว่าตรวจคลื่นหัวใจ EKG ไหม ผมมองหน้าหมอ..แล้วถามว่าตรวจทำไม..หมอตอบว่าหัวใจเต้นเร็ว ผมนึกในใจว่าเมิงยังไม่รู้รึว่าหัวใจเต้นเร็วเพราะอะไร(มันหายใจไม่ออก) คนกำลังจะตายทุรนทุราย เมิงไม่คิดทำอะไร เมิงยังมีกะจิตกะใจหาเงินเข้าโรงบาล มันไม่รู้ว่าคนใจจะขาดมันทรมานแค่ไหน
 "สักครู่หมอถามว่าจะแอดมิดไหม ผมบอกว่าขอดูอาการก่อน แอดมิดแล้วหมอจะรักษายังไง เขาไม่ตอบมันคงคิดจะเอาไปทรมานข้างบนหาเงินโดยไม่ช่วยให้ดีขึ้น อาจตายบนห้อง เพราะมันไม่รู้วิธีรักษา แถมพยาบาลวิ่งเข้ามาบอกว่า "คงเมามากมากหละสิ หนูก็เป็นอย่างนี้แหละ ปล่อยให้นอนเด่วหายเอง" (บร๊ะเมิงตรัสรู้กันหมดนะนี่)..ผมขอยาสเตียรอยด์หยอดจมูกเพื่อลดการคัดจมูกและขอ Ventolin ยาพ่นขยายหลอดลม หมอให้แค่ยาหยอดจมูกไม่ให้ยาขยายหลอดลมแต่สั่ง kammilosan M มาให้ นึกในใจนี่ก็ควายอีกตัว เมิงเอายาอมฮอลล์มาขายกูดีกว่า"

       "พอได้กลูโคสก็ดีขึ้นเล็กน้อยแต่ชีพจรขึ้นสูงตามอัตราการหายใจไม่ออก ผมจ้องที่จอมอนิเตอร์ ทุกครั้งที่ชีพจรลงม124-125 เขาจะดีขึ้น พอสวิงขึ้น130-140 ครั้ง เขาจะแน่นเจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก"
   "พยาบาลบอกให้ผมออกไปข้างนอกเดี๋ยวน้องเขาจะดีเอง เขาหาว่าผมรบกวนคนไข้ ผมบอกผมกำลังจ้องจอมอนิเตอร์และคิดว่าจะทำยังไง นี่ไม่ใช่โรงพยาลบาลของกู คิดหาวิธี แอบลุ้นและภาวนาให้รอดไปได้ และรอดูว่ายาหยอดจมูกจะช่วย สักพักสเตียรอยด์ออกฤทธิ์ จมูกเริ่มโล่ง แน่นหน้าอกลดลง หายใจดีขึ้น มองดูชีพจรค่อยๆลด จาก 130..125..103.. คนไข้เริ่มหายใจเบาสบายขึ้น นอนหลับได้ไม่ทุรนทุราย ผมมองดูนาฬิกา 6.15 นาที ร้านขายยาคงเปิด เขาลุกเดินได้หายใจคล่องขึ้นแต่ยังเจ็บตรงหน้าอกหายใจลึกไม่ได้"
 "ผมรีบไปจ่ายตังค์ พาไปร้านขายยาที่ตลาดเทศบาล 2 ขอ Ventolin 1 หลอด ราคา 200 บาท รีบให้พ่นไป 2 ปับ ไม่ถึง 5 นาที หายใจลึกได้เป็นปกติ

 ..นึกในใจว่า.กูเกือบได้ไปงานศพซะแล้ว..แม่ง โรงฆ่าสัตว์ดี ๆ นี่เอง ไอ้โรงบาลศูนย์บ้าๆนี่"
ที่มา http://kanomjeeb.com/article-details.php?item=2579

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ นาคีมีจริง หลวงปู่พาชี้ให้ให้ดู ถ้ำวังพญานาคที่โขงเจียม

 จากละครที่ทำเอาหลายคนติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง ยอดเรทติ้งพุ่งกระฉุดสำหรับละครเรื่อง “นาคี”  เป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาค ซึ่งเรื่องราวต่างๆขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปยังวัดถ้ำผาพญานาคราช ตั้งอยู่ที่ บ้านห้วยหมาก ตำบล ห้วยไผ่ อำเภอ โขงเจียม จังหวัด อุบลราชธานี เพื่อไปดูถ้ำวังพญานาค ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่ามันมีอยู่จริง
เมื่อไปถึงได้พบกับหลวงปู่เพิ่มพันธ์ อานันโท เจ้าอาวาส ได้พาไปดู รอบๆเป็นป่าและลำธารที่มีความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้หลวงปู่ยังเล่าเรื่องราวให้ฟังว่า “คนในพื้นที่ได้เล่าต่อกันมาหลายรุ่นกว่า 100 ปีแล้ว ว่าบริเวณล้ำห้วยหมากนี้ เป็นที่ที่มีพญานาคขึ้นมาเล่นน้ำ และมีถ้ำของพญานาคอยู่ใต้แผ่นหิน ลักษณะเป็นรูยาวทอดไปไกลใต้แผ่นหิน เมื่อถึงฤดูฝนจะพบว่ารูที่เห็นนั้นมีน้ำไหลเข้าไปและน้ำจะไหลย้อนขึ้นไปยังลำห้วยตอนบนอีกฝั่งหนึ่งของห้วยหมาก เป็นน้ำที่ไหลย้อนขึ้นไปหาต้นน้ำ และลำห้วยหมากที่อยู่ตรงนี้ก็ไม่เคยแห้ง จะมีน้ำตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีปลาจากแม่น้ำโขงจำนวนมากว่ายขึ้นมาขยายพันธุ์ด้วย แต่ไม่มีผู้ใดเข้าไปหาปลา หรือตัดต้นไม้ เพราะเชื่อว่าเป็นที่อยู่ของพญานาค ทำให้บริเวณรอบลำห้วยหมากยังมีความสมบูรณ์ของต้นไม้หลากหลาย”



ที่มา http://kanomjeeb.com/article-details.php?item=7400